สมาคมวอลเลย์เรียกนักตบยุวชนหญิงต่อยอดทักษะโครงการสานพลังเยาวชนสู่คนของชาติ

เวลา 13.00 น. วันนี้ (15 สิงหาคม 2561) ณ อาคาร 200 เตียง การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เรียกนักกีฬาที่เข้าร่วมโครงการ “สานพลังเยาวชนสู่คนของชาติ” ในประเภททีมหญิง โดยมีนายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมฯ พร้อมด้วย “โค้ชด่วน” ดนัย ศรีวัชรเมธากุล, “โค้ชยะ” น.ท. ณัฐพนธ์ ศรีสมุทรนาค, “โค้ชนาญ”ชำนาญ ดอกไม้, ผศ.ถาวร กมุทศรี ผู้เชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์การกีฬา และ “โค้ชนัท” นัฐพงศ์ เกษาพันธ์ สตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทยร่วมพูดคุยและให้โอวาทกับนักกีฬา

สำหรับนักกีฬาที่เข้าร่วมโครงการมีจำนวน 17 คน ส่วนหนึ่งมากจากโครงการเยาวชนคนของชาติ และ โครงการสุดยอดเยาวชนลูกยางไทย ซึ่งมีรายชื่อนักวอลเลย์บอลรุ่นยุวชนทีมชาติไทยอย่าง “โมเม” ธนัชชา สุขสด และ “นก” วิรัลยุพา อินทร์จันทร์ ร่วมด้วย

นายสมพร กล่าวว่า “เป็นโครงการต่อเนื่องจาก โครงการเยาวชนคนของชาติ หรือเด็กสูงที่เราริเริ่มตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว เราได้เห็นการผลิดอกออกผลของโครงการ ได้นักกีฬาที่มีรูปร่างสูงเข้ามาเล่นกีฬาวอลเลย์บอลมากขึ้น บางส่วนก็ได้ก้าวขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่ทั้งชายและหญิง รวมไปถึงในระดับยุวชนเยาวชน เราก็ได้เห็นผลชัดเจนและเป็นรูปธรรมว่าเด็กจากโครงการเด็กสูงได้สร้างผลงาน ทีมหญิงได้อันดับ 3 ในรายการชิงแชมป์เอเชีย และทีมชายก็สร้างประวัติศาสตร์คว้าอันดับ 3 ในศึกยู20ชิงแชมป์เอเชีย”

“สมาคมได้เพิ่มโครงการใหม่ คือ “สานพลังเยาวชนสู่คนของชาติ” โดยเป็นการสานต่อจากโครงการเยาวชนคนของชาติเพื่อพัฒนาทักษะ ให้นักกีฬาเข้ามาเก็บตัวเป็นระยะๆ ครั้งละประมาณ 15 วัน ทั้งชายและหญิง เพื่อให้มีความพร้อมทางร่างกาย จิตใจ และ ศักยภาพต่างๆ”

ชำนาญ ดอกไม้ ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการ กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นการร่วมมือกับทางโรงเรียนต่างๆในการพัฒนานักกีฬาที่มีคุณสมบัติพอที่จะต่อยอดสู่ทีมชาติได้ อย่างแรกคือมีความสูง ผมมองว่าหากปล่อยให้นักกีฬาที่เข้าเกณฑ์ฝึกซ้อมอยู่ที่โรงเรียนเองโดยไม่ช่วยเหลือ มันก็อาจจะช้าไป เราจึงคิดโครงการนี้ขึ้นมา โดยการหานักกีฬาที่มีคุณสมบัติตามที่เราต้องการทั้งประเทศ รอบละ 15 คน เข้ามาวางพื้นฐานในสิ่งที่ขาด เช่น การรับบอล การเคลื่อนที่ เพื่อปูพื้นฐานให้แน่น”

“เราต้องการให้ทราบก่อนว่า ในแต่ละช่วงละอายุที่เป็นเป้าหมายของเรา มีคนวอลเลย์บอลในไทยสักกี่คน สุดท้ายเราจะค่อยๆกลั่นกรอง ก่อนจะเหลือจำนวนหนึ่งที่เราคิดว่ามาพัฒนาอย่างจริงจัง แน่นอนว่าจะไม่มีนักกีฬาเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น ช่วงปีแรกจะเป็นช่วงที่เราควานหานักกีฬาเข้าสู่โครงการ นักกีฬาจะต้องบันทึกประวัติ บันทึกข้อมูลการฝึกซ้อม และส่งกลับไปยังโรงเรียน แต่ทั้งนี้หากนักกีฬาติดภาระกิจไม่มามารถมาร่วมได้เราก็ไม่บังคับ เราต้องการคนที่พร้อม ไม่ติดภาระกิจ อีกอย่างคือหากเราไม่ช่วยเหลือทางโรงเรียนในการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬา, โภชนาการ หรือการฝึกทักษะต่าง เราก็พยายามจะถ่ายทอดไปทางโรงเรียนโดยวิธีการนี้”