มร.เหว่ย จีจง ประธานกิตติมศักดิ์ สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (เอฟไอวีบี) และ สหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย (เอวีซี)
และคณะเยือนไทย ดูสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่สหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย ที่จะย้ายจากปักกิ่ง มาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร
ร.ท.ชาญฤทธิ์ วงษ์ประเสริฐ รองประธานสหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย เล็ง3ที่ กกท.,ม.รามคำแหง และ หมูบ้านสัมมากร
ชี้มีโอกาสสูงที่สหพันธ์ฯ จะลุงทุนซื้อที่ดินเอง คาดใช้งบ20ล้านบาท
คามเคลื่อนไหวการย้ายสำนักงานใหญ่สหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย จากเดิมซึ่งตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
แต่เนื่องจากจีนมีจุดอ่อนเรื่องการประชาสัมพันธ์ข่าวผ่านโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ค รวมถึงค่าใช้จ่ายที่สูงหากเทียบกับประเทศไทย
ทำให้สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (เอฟไอวีบี) ประเทศสมาชิกมีมติเห็นสมควรให้ย้ายสำนักงานใหญ่ฯ มาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา มร.เหว่ย จีจง ประธานกิตติมศักดิ์ สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (เอฟไอวีบี) และ
สหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย (เอวีซี), ดร.ซาเลห์ บิน นาสเซอร์ ประธานสหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย
และ มร.อีสซาร์ ฮัมซาร์ รองประธานสหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย คนที่ 1 ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย พร้อมร่วมประชุมหารือกับ
พลตรีจารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย, นายมนตรี รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย,
นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย และ ร.ท.ชาญฤทธิ์ วงษ์ประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมฯ
ในฐานะรองประธานสหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย เกี่ยวกับการหาสถานที่สำหรับใช้เป็นสำนักงานใหญ่ฯ ในกรุงเทพมหานคร
โดย เหว่ย จีจง ประธานกิตติมศักดิ์ สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (เอฟไอวีบี) และ สหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย (เอวีซี)
เผยว่า เนื่องจากประเทศไทยมีการพัฒนากีฬาวอลเลย์บอลอย่างรวดเร็ว ประกอบกับเป็นจุดศูนย์กลางของหลายๆ ประเทศ
ทำให้สหพันธ์ฯ พิจารณาย้ายสำนักงานใหญ่มาไว้ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งระหว่างการประชุมสหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชียที่ผ่านมา
ประเทศสมาชิกมีความเห็นพ้องต้องกัน แม้ว่าในที่ประชุมจะมีการเสนอให้ตั้งสำนักงานไว้ที่ปักกิ่งตามเดิม
และประเทศญี่ปุ่นเสนอให้ย้ายไปตั้งที่ญี่ปุ่น แต่หลังการอภิปรายปรากฎว่าเสียงส่วนใหญ่เห็นควรให้ย้ายมาที่กรุงเทพฯ
และที่ประชุมมมติให้ผมพร้อมคณะเดินทางมาตรวจสอบความพร้อมในทุกด้าน ซึ่งนี่คือจุดประสงค์ของการมากรุงเทพฯ ครั้งนี้
ร.ท.ชาญฤทธิ์ กล่าวว่า เรื่องสถานที่ตั้งเราจะให้ มร.เหว่ย และคณะพิจารณา 3 ที่ คือ ออฟฟิศ ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ การกีฬาแห่งประเทศไทย
หรือสนามกีฬารัชมังคลากีฬาสถาน, สำนักกีฬา มหาวิทยาลัยรามคำแหง และ สถานที่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ที่เรามองไว้คือหมู่บ้านสัมมากร
เพราะต้องการความเป็นเอกเทศน์ ต้องมีคนทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เป็นไปได้ว่าเขาอาจตัดสินใจลงทุนซื้อที่ด้วยงบประมาณราวๆ 20 ล้านบาท
โดยเป็นงบจากสหพันธ์ฯ แต่ตอนนี้เราต้องศึกษาเรื่องการโอนเงิน ภาษี ให้กับทางสหพันธ์ฯ รวมถึงเรื่องบุคคลากรเพราะจะต้องใช้บุคคลากรจากต่างประเทศ
ฉะนั้นต้องให้ชัดเจน
“ยอมรับว่าเป็นภาระที่หนัก แต่ก็เป็นภาพพจน์ของประเทศไทย ที่เราจะได้เป็นศูนย์กลางของประเทศสมาชิกทั้ง 65 ประเทศ
จากนี้คาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนกว่าจะดำเนินการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นและพร้อมตั้งสำนักงาน เนื่องจากต้องประสานงานเรื่องสถานที่
กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการคลัง เนื่องจากเป็นองค์กรที่ไม่มีผลกำไร เราต้องศึกษาให้ละเอียด
เพราะเกรงจะมีปัญหาภายหลัง ส่วนสถานที่ตั้งต้องให้ ม.เหว่ย และคณะที่มาตัดสินใจ ซึ่งเราจะไปดูสถานที่ทั้งสามแห่งในวันที่ 4 มิถุนายนนี้”
ด้าน นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬากวอลเลย์บอลฯ กล่าวว่า วันนี้เราได้หารือเรื่องการเตรียมความ
ซึ่งผมมั่นใจว่าเราพร้อมทุกด้านอยู่แล้ว ทั้งสถานที่ บุคคลากร ถือเป็นเกียรติและเราภาคภูมิใจที่จะได้เป็นศูนย์กลางของเอเชีย
แม้จะต้องทำงานหนัก แต่มีความเชื่อมั่นว่าจะขับเคลื่อนงานของสหพันธ์ฯ ไปได้ด้วยดี ที่สำคัญแม้ช่วงที่ผ่านมาหรือช่วงเวลานี้จะมีเหตุการณ์บ้านเมือง
แต่เรายังได้รับความไว้วางใจจากสหพันธ์ ส่วนเรื่องสถานที่ตั้งคงเป็นหน้าที่ของสหพันธ์ฯ ตัดสินใจ